Home ข่าว การผสมการใช้งานรถยนต์ ในอุตสาหกรรมดิจิทัล

การผสมการใช้งานรถยนต์ ในอุตสาหกรรมดิจิทัล

by admin
24 views
1.การผสมการใช้งานรถยนต์

ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) เป็นยานยนต์ที่มีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถทำงานเพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับเครื่องยนต์ไฟฟ้า โดยมีหลายประเภทดังนี้

1. ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสม (Hybrid Electric Vehicle HEV) ประกอบด้วยเครื่องยนต์สัมพันธ์ภายในที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อน มี 3 ประเภทคือ Micro Hybrid (Start & Stop) Mild Hybrid (MHEV) และFull Hybrid (FHEV)

2. ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสมแบบเสียบปลั๊ก (Plug-in Hybrid Electric Vehicle, PHEV) มีลักษณะการทำงานคล้ายกับไฮบริด แต่มีระบบประจุไฟฟ้าจากภายนอก ทำให้สามารถขับขี่ได้ระยะทางไกลกว่า แต่มีราคาสูงเนื่องจากมีการใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่

3. ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle BEV)ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น บางรถมีเครื่องยนต์เพิ่มเติมที่ใช้เพื่อเพิ่มระยะทางการใช้งาน เรียกว่า (Range Extender Battery Electric Vehicle, REEV)

4. ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle FCEV) ใช้มอเตอร์เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน และใช้ก๊าซไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งทำให้สามารถเก็บพลังงานได้มากกว่ารถ BEV ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการวิจัย และยังไม่มีการผลิตในเชิงพาณิชย์

การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามีความสำคัญเนื่องจากสามารถลดการใช้งานพลังงานที่เป็นมลพิษและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นในอนาคต

2.การผสมการใช้งานรถยนต์

นวัตกรรม xEV (ยานยนต์ไฟฟ้า) เป็นการกระแสที่มีอิทธิพลอย่างมาก

ในวงการยานยนต์ และมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจตลอดกาล โดยมีขั้นตอนและความก้าวหน้าที่น่าสนใจในแต่ละช่วงเวลาดังนี้

กระแสความนิยมครั้งที่ 1 ปี ค.. 1993 การกำหนดมาตรฐาน ZEV (Zero Emission Vehicle) ของรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกาเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสความสนใจในยานยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดในด้านประสิทธิภาพและราคาของแบตเตอรี่ ทำให้ยานยนต์เหล่านี้ยังไม่ได้รับความนิยมในช่วงนั้น

กระแสความนิยมครั้งที่ 2 ปี ค.. 2010 การเปิดตัวของ EV รุ่นต่าง ๆ เช่น Roadster จาก เทสลา i-MiEV จากมิตซูบิชิ และ Leaf จากนิสสัน เป็นจุดเริ่มต้นของการตอบสนองต่อกระแสความสนใจในยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังมีความยุ่งยากในการใช้งานเนื่องจากข้อจำกัดของระยะทางและสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ

กระแสความนิยมครั้งที่ 3 ปี ค.. 2017 – ปัจจุบัน ปัญหาสภาพอากาศที่มลพิษและความเร่งระบบโลกร้อนมีผลให้มีความต้องการเพิ่มขึ้นในการลดการใช้งานรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหล่อลื่น เทคโนโลยีและวัสดุในด้านของแบตเตอรี่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลให้ราคาของแบตเตอรี่ลดลงอย่างมาก และเป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้รถไฟฟ้ากำลังเข้าสู่เวลาที่มีความสมเหตุสมผลในทุกๆ ด้าน

การวิจัยและพัฒนาต่อยอดในด้านเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานของ xEV ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น โครงการ ACCEL ที่ร่วมมือกับโรลส์รอยซ์ YASA และ Electro-flight ในการพัฒนาเครื่องบินพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถบินได้ไกลถึง 200 ไมล์ ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว เร็วที่สุดในโลก และมีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในด้านการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าเช่นฟอร์มูล่า อีที่เป็นการแข่งขันรถไฟฟ้าที่มีความเร็วสูง รวมถึงการพัฒนาเครื่องบินขนาดเล็กรุ่น ES-19 ที่สามารถบินได้ไกลและมีความปลอดภัยสูง สุดท้าย การลงทุนของบริษัทในด้านการผลิตยานยนต์และเครื่องบิน xEV ยังเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า xEV กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์และการบินอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในอนาคต xEV จะมีราคาเทียบเท่ากับยานยนต์เครื่องยนต์ส่วนใหญ่ในสมรรถนะที่เท่ากัน และจะเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอย่างแพร่หลายอีกต่อไป

นโยบาย xEV ในต่างประเทศ และสถานการณ์ xEV ในประเทศไทย

การลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ได้เป็นกระแสสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบาย xEV (ยานยนต์ไร้มลพิษ) ในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อลดการกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป้าหมายการลดอุณหภูมิโลก โดยมีการประกาศหยุดการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และเน้นไปสู่การใช้รถยนต์ไร้มลพิษและรถยนต์ ACES (Autonomous Connected Electric and Shared Vehicles) เช่น นอร์เวย์และอังกฤษที่กำหนดเวลาในการหยุดจำหน่ายรถยนต์ ICE อย่างเข้มงวดภายในปี 2030 และ 2040 ตามลำดับ ส่วนประเทศไทยก็มีการผลักดันให้มีการจดทะเบียนยานยนต์ใหม่ทั้งหมดเป็นยานยนต์ ZEV ตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป

การส่งเสริมให้เกิดการงาน xEV ไม่เพียงแต่เกิดจากแรงผลักดันของกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างการผลิตรถยนต์และห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วของประเทศผู้นำด้านพลังงานและการผลิตรถยนต์ การผสมผสานของบริษัทซอฟท์แวร์และอุปกรณ์ไอทีก็เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ ที่ต้องการรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับ IoT ผ่านระบบ Software เพื่อวิเคราะห์และสื่อสารได้มากขึ้น

ในสถานการณ์ xEV ของประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สมาคม และภาคเอกชนเพื่อกำหนดนโยบาย และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในฐานะยานยนต์ยุคใหม่ ซึ่งได้มีการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าและการวิจัยพัฒนาต่าง ๆ ตลอดจนการพัฒนาด้านมาตรฐานและการทดสอบยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเกิดขึ้นโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก

3.การผสมการใช้งานรถยนต์

การส่งเสริมและพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย

เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนและเตรียมพร้อมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมได้อย่างเหมาะสม เพื่อแข่งขันกับประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะเป้าหมายที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นอันดับหนึ่งของ ASEAN (ASEAN EV HUB) และสู่ลำดับที่สองของโลก หลังจากประเทศจีน โดยสามารถลงทุนได้ง่าย มีค่าลงทุนต่ำ และเน้นการผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นได้ด้วยจำนวนน้อย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่แต่ละประเทศจะสามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าร้อยละ 100 ในช่วง 5-10 ปี การเตรียมความพร้อมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สำคัญ เช่นการกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายชัดเจน การส่งเสริมการใช้งาน xEV การสร้างระบบนิเวศน์ การพัฒนาผู้ประกอบการ การพัฒนากำลังคน การพัฒนามาตรฐาน ข้อบังคับ กฎระเบียบ กฎหมาย และการสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ

อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ายังต้องเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการพัฒนายานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ยานยนต์ไร้คนขับ การเชื่อมต่อระหว่างยานพาหนะ การปรับให้เป็นระบบไฟฟ้า และยานยนต์แห่งการแบ่งปัน โดยใช้วิทยาการดิจิทัล เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างนวัตกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ การบูรณาการเทคโนโลยีหลัก 4 ด้านได้แก่ Computer Vision Deep Learning, Robotics และ Navigation ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์รับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ และนำทางไปสู่จุดหมายอย่างปลอดภัย

ดังนั้น การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทยต้องเน้นทั้งการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มดิจิทัลและเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อสร้างความสมดุลและความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.depa.or.th/th/article-view/electric-vehicle-xev-07102021

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

Welcome

ยินดีต้อนรับสู่โลกของการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด บริการให้ข้อมูลด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน update ข้อมูลสดใหม่ทุกวัน

เรื่องล่าสุด

©2023 educatpro, News Organization – All Right Reserved. Designed and Developed by Educatpro