สำหรับนายจ้าง การรับรองความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานไม่ได้เป็นเพียงความรับผิดชอบด้านจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นความรับผิดชอบด้านกฎหมายอีกด้วย คณะกรรมการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย หรือที่เราเรียกกันว่า คปอ จึงมีหน้าที่กำกับดูแลเรื่องนี้ โดยกำหนดและบังคับใช้มาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อรับประกันการทำงานที่ปลอดภัยของพนักงาน
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับการ อบรม คปอ ว่ามันมีความสำคัญอย่างไร และมีอะไรบ้าง โดยจะเน้นนำมาตรฐานจาก OSHA ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยระดับสากลมานำเสนอให้คุณได้รู้กัน
มาตรฐานการอบรม คปอ สำคัญที่นายจ้างทุกคนควรรู้
หน้าที่ทั่วไป (มาตรา 5(a)(1)):
ข้อนี้ระบุว่านายจ้างแต่ละรายต้องจัดหาสถานที่ทำงานให้ปราศจากอันตรายซึ่งก่อให้เกิดหรือมีแนวโน้มที่จะทำให้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสทางร่างกาย
การเก็บบันทึกและการรายงาน (มาตรฐาน 1904):
นายจ้างที่มีลูกจ้างมากกว่า 10 คนในบางอุตสาหกรรมต้องเก็บบันทึกการบาดเจ็บและการเจ็บป่วยจากการทำงาน เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การเสียชีวิต จะต้องรายงานต่อกระทรวงภายในระยะเวลาที่กำหนด
การแจ้งเกี่ยวกับอันตราย (มาตรฐาน 1910.1200):
นายจ้างต้องแจ้งลูกจ้างเกี่ยวกับสารเคมีที่อาจมีโอกาสสัมผัสในสถานที่ทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับอันตรายและวิธีการป้องกันตนเองอย่างถูกต้อง
อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (มาตรฐาน 1910.132):
นายจ้างมีหน้าที่จัดหา PPE ที่เหมาะสมให้กับคนงานเมื่อไม่สามารถกำจัดอันตรายด้วยวิธีอื่นได้ และจะต้องเป็นอุปกรณ์ PPE ที่ได้มาตรฐาน ตรงตามหน้าที่หรือความเสี่ยงที่คนงานต้องเผชิญระหว่างการทำงาน
แผนปฏิบัติการฉุกเฉิน (มาตรฐาน 1910.38):
นายจ้างจำเป็นต้องจัดให้มีถังดับเพลิงภายในบริเวณการทำงาน และหากมีใครต้องอพยพระหว่างเกิดเพลิงไหม้หรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ แผนปฏิบัติการฉุกเฉินก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรวางแผนและออกแบบมาตรการฉุกเฉินในกรณีนี้ไว้ด้วย
มาตรฐานเฉพาะอุตสาหกรรม
แม้ว่ามาตรฐานบางอย่างจะนำไปใช้กับทุกอุตสาหกรรม แต่ก็มีมาตรฐานอื่นๆ ที่มีความเฉพาะเจาะจง ต่อไปนี้เป็นมาตรฐานเฉพาะบางอุตสาหกรรม :
- การก่อสร้าง (29 CFR 1926): ครอบคลุมมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับงานต่างๆ เช่น นั่งร้าน อุปกรณ์ป้องกันการตก และการขุดค้น
- การเดินเรือ (29 CFR ส่วน 1915, 1917, 1918): ครอบคลุมการจ้างงานในอู่ต่อเรือ ท่าเรือทางทะเล และการขุดเจาะชายฝั่งทะเล
- เกษตรกรรม (29 CFR 1928): เน้นมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ความปลอดภัยของรถแทรกเตอร์ PPE และเสียง
นอกจาก อบรม คปอ แล้ว ควรทำอะไรบ้าง ?
การตรวจสอบความปลอดภัยเป็นระยะ ๆ
ดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติงานภายในสถานที่ทำงานเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด
การฝึกอบรมและการให้ความรู้
การฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้มั่นใจว่าพนักงานมีความรอบรู้เกี่ยวกับระเบียบการด้านความปลอดภัยและการใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกต้อง ควรจัดให้มีการอบรมและให้ความรู้แก่พนักงานอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ระบบการรายงานสำหรับพนักงาน
สร้างระบบสำหรับพนักงานในการรายงานอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยควรเป็นระบบที่ใช้งานได้สะดวก ปกปิดตัวตน และมีความรวดเร็ว
อบรม คปอ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ?
ปฏิบัติตามวัฒนธรรมความปลอดภัย
การยึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัย และจัดให้มีการ อบรม คปอ อย่างสม่ำเสมอจะช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมที่มีความปลอดภัยเป็นศูนย์กลาง ซึ่งพนักงานจะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองและได้รับการปกป้องจากนายจ้าง ทำให้พนักงานมีขวัญกำลังใจมากยิ่งขึ้น
ประหยัดค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน
การลดอุบัติเหตุในที่ทำงานลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลของพนักงาน ไม่ต้องกังวลเรื่องของค่าดำเนินคดีฟ้องร้องต่าง ๆ
ประสิทธิภาพดีขึ้นและขวัญกำลังใจดีขึ้น
สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยช่วยลดโอกาสการทำงานผิดพลาดหรือเวลาหยุดงานเนื่องจากการบาดเจ็บของพนักงาน และเพิ่มขวัญกำลังใจรวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
หากใครสนใจอบรม คปอ ตามกฎหมายไทยสามรถเข้าไปดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ของศูนย์ฝึกอบรม จป ทูเดย์ ที่มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบตามความเหมาะสมขององค์กรทั้งหลักสูตรสำหรับบุคคลทั่วไป และ อินเฮ้าส์