มาทำความรู้จักกับ OJT หมายถึงอะไร มีกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง
การฝึกอบรมในที่ทำงาน OJT หมายถึงอะไร (OJT : On-the-job training ) เป็นประเภทของการฝึกอบรมในที่ทำงานและดำเนินการโดยหัวหน้างานหรือพนักงานที่มีประสบการณ์คนอื่นๆ OJT ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้พนักงานใหม่หรือพนักงานที่กำลังเรียนรู้ทักษะใหม่ด้วยประสบการณ์จริงและความรู้ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ OJT สำหรับพนักงานและนายจ้าง
ปรับแต่งการฝึกได้เอง : หัวหน้างานสามารถปรับแต่ง OJT ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของพนักงานและงานที่ทำ ซึ่งจะทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการฝึกอบรมรูปแบบทั่วไป รวมไปถึงช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านความปลอดภัยในการทำงาน
- นำไปใช้ได้ทันที: OJT ช่วยให้พนักงานนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้แบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความเข้าใจและจดจำเนื้อหาได้
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: OJT สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการฝึกอบรมรูปแบบอื่นๆ เนื่องจากพนักงานไม่ต้องลางานเป็นระยะเวลานาน สามารถฝึกในที่ทำงานระหว่างที่กำลังทำงานได้เลยได้เลย
- โอกาสในการวิจารณ์พนักงาน: OJT เปิดโอกาสให้พนักงานได้รับคำติชมและคำวิจารณ์ทันทีเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงาน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้และปรับปรุงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการพัฒนาแผนการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ OJT
- ระบุความต้องการในการฝึกอบรม: กำหนดทักษะและความรู้เฉพาะที่พนักงานจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในบทบาทของตน ขึ้นอยู่กับหน้าที่ของพนักงาน บทบาทภายในองค์กร
- กำหนดวัตถุประสงค์ของ OJT: กำหนดเป้าหมายของ OJT อย่างชัดเจนและสิ่งที่พนักงานควรจะทำได้เมื่อการฝึกอบรมเสร็จสิ้น เช่น ให้พนักงานได้เข้าใจวิธีการทำงาน รู้ถึงวัฒนธรรมขององค์กร
- พัฒนาตารางเวลา: สร้างไทม์ไลน์สำหรับ OJT เริ่มตั้งแต่การเริ่มฝึก ไปจนถึงจนฝึกเสร็จสิ้น อาจจะเป็นการระบุว่าวันไหนที่จะมีการฝึก วันไหนที่จะมีการทดสอบ
- กำหนดผู้ฝึกสอน: เลือกพนักงานที่มีประสบการณ์เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนสำหรับ OJT ผู้ฝึกสอนควรมีความรู้เกี่ยวกับงานและกระบวนการที่กำลังสอน และควรสามารถให้คำแนะนำ สนับสนุนพนักงานในขณะที่กำลังเรียนรู้
- จัดเตรียมทรัพยากร: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานสามารถเข้าถึงทรัพยากรและวัสดุที่จำเป็นเพื่อให้ OJT เสร็จสมบูรณ์ เช่น คู่มือ เครื่องมือ และอุปกรณ์
- ติดตามความคืบหน้า: ติดตามความคืบหน้าของพนักงานเป็นประจำระหว่าง OJT เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากำลังเรียนรู้ทักษะและความรู้ที่จำเป็น รวมไปถึงการให้ข้อเสนอแนะและคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อให้พนักงานบรรลุผลสำเร็จ
- ประเมินผล: ในช่วงท้ายของ OJT ให้ประเมินการเรียนรู้ของพนักงานเพื่อพิจารณาว่าพวกเขาได้รับทักษะและความรู้ที่จำเป็นหรือไม่ อาจจะเป็นการกับการทดสอบหรือประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานในการทำงาน
จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณไม่มีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ (OJT)
- ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน: หากไม่มี OJT พนักงานอาจไม่มีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ของงานที่ไม่มีคุณภาพ
- ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น: หากไม่มี OJT พนักงานอาจมีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดหรือเกิดอุบัติเหตุในงานมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและความรับผิดที่อาจเกิดขึ้นสำหรับองค์กร
- องค์กรไม่สามารถรักษาบุคลากรได้: พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมที่เพียงพออาจมีแนวโน้มที่จะออกจากองค์กรเพื่อค้นหาโอกาสที่ดีกว่า ซึ่งนำไปสู่อัตราการลาออกที่สูงและความจำเป็นในการฝึกอบรมพนักงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้องค์กรอาจจะเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
จุดพิจารณาของ OJT
ข้อเสียอย่างหนึ่งของการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ (OJT) คืออาจใช้เวลานานสำหรับทั้งผู้ฝึกสอนและพนักงาน ผู้ฝึกสอนอาจต้องสละเวลาจากหน้าที่ของตนเองเพื่อดำเนินการฝึกอบรม และพนักงานอาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ทักษะและกระบวนการใหม่ ๆ แทนที่จะหน้าที่ของตนให้เสร็จ นี่อาจเป็นปัญหาเฉพาะสำหรับองค์กรขนาดเล็กที่มีพนักงานจำกัด เนื่องจากอาจเป็นการยากที่จะครอบคลุมภาระงานในขณะที่กำลังดำเนินการฝึกอบรม
สุดท้ายนี้ การประเมินการเรียนรู้และความก้าวหน้าของพนักงานในช่วง OJT อาจเป็นเรื่องท้าทาย ทั้งในเรื่องของเวลา งบประมาณ และการทุ่มเทแรงกายแรงใจของผู้ฝึกอบรม แต่เมื่อสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายแล้ว องค์กรของคุณจะพัฒนาได้อย่างเห็นได้ชัด